Monday, May 9, 2016

ภัยจากผู้อพยพ ตอนที่ 1

เรื่องที่ผู้เขียนกำลังใส่ใจก็เป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายก็พึงใส่ใจให้ยิ่งกว่า  ระเบิดพลีชีพที่ไม่ได้ถูกจุดกำลังจุดระเบิดพลีชีพอีกหลายลูกติดตามมา ที่ผ่านมาเหตุการณ์ระเบิดและยิงกราดสนั่นเมืองในกรุงปารีส และการระเบิดสนามบินที่กรุงบรัสเซลส์ กำลังเป็นที่จับตามองและหวั่นวิตก ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่า ผู้ก่อเหตุทั้งหมด คือ บุคคลที่มีรากฐานมาจากครอบครัวผู้อพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในฝรั่งเศสและเบลเยี่ยม 

เชื่อว่าหลายท่านยังไม่คุ้นเคยกับชีวิตในเมืองที่มีผู้อพยพหรือชาวต่างชาติมาอยู่อาศัยเป็นจำนวนมากๆ ลองนึกภาพว่า ถ้าบริเวณย่านสยามสแควร์ มาบุญครองหรือรอบหัวลำโพง กลายเป็นย่านที่มีผู้คนกว่าครึ่งเป็นคนเหล่านี้ ความรู้สึกของคนไทยจะเป็นอย่างไร เพราะเขาไม่ได้มาแต่ตัว แต่มาด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยเรื่องศาสนาและชาติพันธุ์ ซึ่งคนไทยต้องถามหัวใจตัวเองดูเหมือนกันว่าเมืองไทยจะมีโอกาสเป็นเช่นนี้หรือไม่ จะมีผลกระทบทางสังคมในมิติใดบ้าง

ชีวิตในดินแดนที่เปิดกว้างเรื่องการรับผู้อพยพ

ผู้เขียนถือวีซ่าประเทศนอร์เวย์ จะว่าไปแล้วก็เป็นคนแปลกหน้า มีชีวิตคล้ายๆ ผู้อพยพจากต่างชาติคนหนึ่งที่อาศัยสวัสดิการของประเทศนอร์เวย์ เช่น ค่าเล่าเรียน, ค่าตรวจสุขภาพ, ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น นอร์เวย์เปิดรับผู้อพยพลี้ภัยสงครามเข้ามาอยู่ในประเทศเป็นจำนวนมากในระดับที่ส่งผลถึงโครงสร้างทางสังคม โดยเฉพาะเมืองหลวง คือ กรุงออสโล ซึ่งหนังสือพิมพ์ลงว่าในปี 2040 จะมีผู้อพยพย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ร่วมกันกว่า 47% ของจำนวนประชากร

ภาพชาวนอร์เวย์ที่ถูกทำร้ายโดยผู้อพยพ
ที่มา : Norway: Oslo Police — “We Have Lost the City”

ปัจจุบันข้างๆ สถานีรถไฟและรถบัส ศูนย์กลางคมนาคมใจกลางเมือง (Oslo Central Station) อยู่ติดกับเขตเกริ่นลันด์ Grønland ซึ่งเป็นที่อาศัยอยู่และทำการค้าของกลุ่มผู้อพยพ ทั้งไม่ไกลจากสถานที่ราชการ รัฐสภา มีเรื่องเล่าว่าเด็กน้อยชาวนอร์เวย์ที่เคยอาศัยบริเวณนั้น เห็นมีแต่ผู้อพยพ ถามพ่อกับแม่ว่า นี่เราอยู่ปากีสถานหรือเปล่า ในที่สุดคนนอร์เวย์ต้องย้ายออกจากบริเวณนั้นไปหาที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่งตำรวจนอร์เวย์ให้ความเห็นว่า “ We Have Lost the Cityเราได้สูญเสียเมืองไปแล้ว มีคำกล่าวว่า Grøndland เป็นมุสลิมยิ่งกว่าประเทศ Moroco อีกทั้งมีเหตุการณ์รุนแรง ผู้หญิงถูกข่มขืน ผู้คนค้าขายยาเสพติดกันอย่างเปิดเผย ข้างสถานีรถไฟ มีชาวนอร์เวย์ถูกทำร้ายร่างกายและปล้นทรัพย์สินอยู่เป็นประจำ ซึ่งมีคนรู้จักท่านหนึ่งเจอมาเหมือนกัน เขาต้องใช้เวลานานเพื่อจะฟื้นฟูสภาพจิตใจที่หวาดระแวงจากการถูกทำร้าย
 
ผู้อพยพในนอร์เวย์ได้รับการช่วยเหลือดูแลอย่างดีในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่ที่พักอาศัยในทำเลและคุณภาพระดับเดียวกันกับที่คนนอร์เวย์อาศัยอยู่ ไม่ใช่ตึกเก่าร้างเหมือนที่เคยเห็นในประเทศอื่น เช่น ประเทศจอร์เจีย พร้อมด้วยค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียนของบุตรหลาน 

ข้อมูลสถิติ 67% ของผู้คนได้ลงความเห็นกันว่า 
การเข้ามาผู้อพยพจะเป็นสิ่งที่สร้างปัญหาใหญ่หลวงยิ่งกว่าเดิมให้กับสังคมนอร์เวย์

ข้อมูลจาก VG สำนักข่าวใหญ่ของนอร์เวย์

รัฐบาลนอร์เวย์จึงต้องสื่อสารกับประชาชนในทุกมิติเพื่อให้เกิดสมานฉันท์ในการอยู่ร่วมกัน พยายามพูดถึงความเป็นปกติในเรื่องการย้ายถิ่นฐาน เช่น คนนอร์เวย์เองก็เข้าไปพำนักอาศัยในประเทศอเมริกาและประเทศอื่นๆ เหมือนกัน ในที่สุดคนเหล่านั้นก็หล่อหลอมรวมเป็นหนึ่งกับคนในชาตินั้นได้ เด็กๆ มุสลิมหันมาเลิกใส่ผ้าคลุมหน้า ใส่กางเกงยีนส์รัดรูป มีเพื่อน มีการศึกษาและอาชีพแบบเดียวกัน 

โรงเรียนสอนภาษานอร์เวย์สำหรับผู้อพยพ

เมื่อราวปี 2009 ผู้ที่ได้วีซ่าปีต่อปีที่นอร์เวย์ จะต้องถูกบังคับให้ไปเข้าโรงเรียนสอนภาษานอร์เวย์ให้ครบตามจำนวนชั่วโมงที่กำหนด เช่น 500 ชั่วโมง เพื่อให้มีสิทธิ์ที่จะขอวีซ่าอยู่ต่อในระยะยาว เข้าเรียนวันล 4 ชั่วโมง ตั้งแต่วันจันทร์ถึงพฤหัส เพื่อนๆ ในห้องเรียนส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพ รู้สึกเหมือนเราไปอาศัยในห้องเรียนเขามากกว่า ส่วนใหญ่อัธยาศัยดี มีแววตาบริสุทธิ์ ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ได้แสดงถึงความเป็นคนรุนแรงแต่อย่างไร เพราะเป็นคนที่บาดเจ็บชอบช้ำมาแล้วจากภัยสงคราม เขาไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายตัวจริง 

เพียงแต่เราต้องทำใจเวลาต้องใช้ของสาธารณะร่วมกัน เพราะเขามักจะทำให้สกปรก เช่น ตักน้ำตาลชงกาแฟก็หกเลอะเทอะ, เข้าห้องน้ำก็จะทิ้งสิ่งสกปรกไว้ไม่ชำระล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย เป็นต้น คนไทยที่ทำงานช่างให้กับรัฐบาลก็จะปวดหัวกับบ้านที่ให้ผู้อพยพอยู่อาศัย มักจะอยู่ในสภาพสกปรกเสียหาย 

เรื่องศาสนาเขานั้นชาวพุทธต้องยอมแพ้ เพราะเราน่าจะไม่เคยนัดวันถือศีล 8 พร้อมกันในห้องเรียน แต่นักเรียนมุสลิมที่นี่ พอถึงเวลาถือ ศีลอด เขาถือพร้อมกันหมดเลย เรื่องศาสนาเค้าลงไปถึงระดับการปฏิบัติในครอบครัวและสังคมจริงๆ 

เรื่องผลการเรียน ถ้าเป็นระดับผู้ใหญ่ก็เรียนรู้ช้าสักหน่อย ต้องเข้าใจว่า เค้ามาจากเมืองที่มีสงคราม ไม่ได้อยู่ในสภาพบ้านเมืองปกติ ผ่านขึ้นมาตามระบบการศึกษาตามมาตรฐาน ซึ่งโดยมากกลุ่มนี้ เนื่องจากเรียนภาษาไปได้ช้า แต่ถ้าเป็นเด็กหรือวัยรุ่นก็ค่อนข้างง่าย รับได้เร็ว ไม่นานก็เป็นเหมือนชาวนอร์เวย์เต็มตัว มีอาชีพการงาน ตำแหน่งสูงๆ ไม่แพ้คนนอร์เวย์เลย 

ครูที่มาสอนภาษาก็เป็นครูที่มีคุณภาพมาก เพราะต้องทำให้คนเหล่านี้ สื่อสารภาษากับคนนอร์เวย์ให้ได้เร็วที่สุด ผู้เขียนชื่นชมในวิธีการสอนและการสร้างบรรยากาศในการเรียนของครูมาก เป็นครูที่ทุ่มเท ซึ่งสมัยก่อนเพื่อให้ได้เรียนกับครูเหล่านี้ ในเมืองไทยมักต้องเสียเงินให้กับที่เรียนพิเศษ ไม่ใช่ในโรงเรียนตามปกติ แต่ครูพิเศษๆ เหล่านี้เป็นครูปกติที่มาสอนผู้อพยพ 

สื่อมวลชนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมศีลธรรม

จากปัญหาที่เกิดขึ้น เราควรคำนึงถึงบทบาทของสื่อมวลชนไทยที่ต้องส่งเสริมศีลธรรมตามหลักพุทธศาสนาให้มากยิ่งขึ้น เพราะเป็นศาสนาที่ไม่ส่งเสริมความรุนแรง และไม่เคยมีสงครามระหว่างประเทศโดยเหตุผลด้านศาสนาเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์โลก ผลงานที่ดีๆ ของวงการคณะสงฆ์เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน แต่เหตุใดจึงมักลงให้เห็นแต่ข่าวร้ายๆ ในวงการพุทธศาสนา เป็นเรื่องที่สื่อมวลชนต้องตระหนัก ก่อนที่ปัญหาศีลธรรมในเมืองไทยจะลุกลามไปมากกว่านี้ ในกรณีที่เราอาจไม่สามารถควบคุมผู้อพยพที่จะเข้ามาในเมืองไทยได้อีกในอนาคต ภาพความรุนแรงก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน วันหนึ่งเชื่อมั่นว่าเราจะได้เห็นบทบาทของสื่อสีขาวที่ทำให้เมืองไทยมีสันติสุขด้วยศีลธรรมได้ เมื่อสื่อมวลชนยืนหยัดเคียงข้างพี่น้องเราชาวไทยด้วยกันและจะทำให้ผู้คนทุกเชื้อชาติ ศาสนา เผ่าพันธุ์อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข (อ่านเรื่อง วิธีที่สื่อมวลชนบางพวกปั่นหัวคนไทยเพื่อรู้เท่าทัน)

เรื่องวินาศกรรมในกรุงปารีสและบรัสเซลส์ หลายท่านคงอยากทราบสาเหตุที่มาที่ไปของการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งจำเป็นต้องวิเคราะห์ดูจากประวัติความเคลื่อนไหวของผู้ก่อเหตุแต่ละราย 

อ่านแล้วอาจจะรู้สึกเหมือนเรื่องย่อหนังเรื่องหนึ่งที่มีตัวละครหลากหลาย

กรุณากดที่นี่เพื่ออ่านต่อ เรื่องภัยจากผู้อพยพตอนที่ 2

อะไรทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไป น่าเศร้า...

5 comments:

  1. ช่วยกันเตือนต่อๆ กันไปครับ การเตรียมความพร้อมต่อภัยคุกคามนั้นสมควรทำอ่างยิ่งครับ พร้อมๆ กับการสร้าบุญติดตัวกันไว้ด้วย ก่อนจะละโลกนี้

    ReplyDelete
    Replies
    1. จริงครับ อนาคตประเทศไทยอาจจะไม่ใช่ประเทศของเราเหมือนที่ผ่านมา วันนี้ภาพยังไม่ชัด แล้ววันหน้าจะเข้าใจภาพที่เกิดมาแล้วในเมืองหลวงประเทศอื่นๆ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอยู่ในระดับใด มาดูกันว่าพร้อมจะอยู่ก้นแบบนี้ไหม

      Delete
  2. จริงค่ะ มันอาจหมายถึงฝันร้ายที่กลายมาเป็นความจริงจากภัยอพยพ คนไทยอาจไม่ใช่เจ้าของประเทศอีกต่อไป

    ReplyDelete
  3. จริงค่ะ มันอาจหมายถึงฝันร้ายที่กลายมาเป็นความจริงจากภัยอพยพ คนไทยอาจไม่ใช่เจ้าของประเทศอีกต่อไป

    ReplyDelete
    Replies
    1. ทยอยเข้ามาเรื่อยๆแล้ว

      Delete