Monday, May 9, 2016

ภัยจากผู้อพยพ ตอนที่ 2

เหตุการณ์ในกรุงปารีสและบรัสเซลส์

มาถึงเรื่องวินาศกรรมการก่อเหตุระเบิดในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เดือนพฤศจิกายนปี 2015 และเกิดขึ้นตามมาอีกครั้งในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยมในเดือนมีนาคม ปี 2016 สั่นสะเทือนถึงมาตรการที่เข้มงวดกวดขันด้านความปลอดภัยของเมืองสำคัญทั่วโลก ทั้งตำรวจ ผู้เคราะห์ร้าย ญาติผู้เสียชีวิต ผู้ติดตามข่าว ย่อมสงสัยว่าใครเป็นคนทำ ทำไมเขาถึงทำเช่นนั้น  มีอะไรเป็นแรงบันดาลใจ เหตุการณ์นี้จะเกิดในที่ที่เราอยู่อาศัยหรือเดินทางไปหรือไม่ 

หลายท่านคงอยากทราบสาเหตุที่มาที่ไปโดยรายละเอียด ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลประวัติและความเคลื่อนไหวของผู้ก่อเหตุแต่ละราย ท่านอ่านแล้วอาจจะรู้สึกเหมือนเรื่องย่อหนังเรื่องหนึ่งที่มีตัวละครหลากหลาย 

ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2015 - เกิดเหตุวินาศกรรมที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส


ในช่วงกลางคืนของวันที่ 13 พฤศจิกายน 2015 ผู้ก่อการร้ายจุดระเบิดพลีชีพและกราดยิงผู้คนทำให้เกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส รวมทั้งสิ้น 7 จุด ทำให้มีคนเสียชีวิตกว่า 130 คน โดยในจำนวนนั้นมี 89 คนเสียชีวิตหลังการถูกจับเป็นตัวประกันที่ Bataclan theatre มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 368 คน  ผู้ก่อการร้ายเสียชีวิตจำนวน 7 คนและตำรวจได้ออกติดตามผู้สมรู้ร่วมคิดรายอื่นๆ ซึ่งนาย  François Hollande ประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าวว่า เป็นปฏิบัติการสงคราม ที่ถูกวางแผนในประเทศซีเรีย หน่วยปฏิบัติการอยู่ที่เบลเยี่ยมและดำเนินการโดยความร่วมมือของคนถือสัญชาติฝรั่งเศส โดยผู้ก่อการร้ายเป็นชาวยุโรปซึ่งเคยเข้าร่วมรบในซีเรีย และ กลับเข้ามาในยุโรปพร้อมกับกลุ่มผู้ลี้ภัยสงคราม 

ภาพจาก www.telegraph.co.uk 
หลังเวลา 21.20 น.ของฝรั่งเศส  เกิดระเบิดพลีชีพ 1 ครั้ง ใกล้สนามกีฬา Stade de france โดยนาย Ahmad Almohammad อายุ 25  ปี  ในช่วงครึ่งแรกของการแข่งขันฟุตบอลฝรั่งเศสกับเยอรมนี โดย Francois Hollande ประธานาธิบดีอยู่ในสนามกีฬาด้วย ซึ่ง นาย Ahmed ถือพาสปอร์ตซีเรีย ซึ่งเข้ามาในฝรั่งเศสในฐานะผู้อพยพผ่านประเทศกรีซ จากการตรวจพบตั๋วเรือเฟอร์รี่ พบว่า เขาเดินทางพร้อมกับ Mohammed Almuhammed 


ภาพจาก www.telegraph.co.uk 

เกิดการโจมตีที่กลางเมืองปารีส โดยการกราดยิงของมือปืนที่ร้านอาหารกัมพูชา Petit Cambodge  ที่ Rue Bichat และบาร์ Le Carillon ในอีกฟากถนน มีผู้เสียชีวิต 15 ศพ ซึ่งกำลังมีความสุขกับ การสังสรรค์ท่องราตรีในคืนวันศุกร์ 

มีการโจมตีด้วยอาวุธปืนแบบ kalashnikov ที่ Rue de la Fontaine au Roi เมื่อผู้ก่อร้ายขับรถเข้ามาในระยะ 500 หลาถึง Caca Nostra pizzeria และกราดยิงผู้คนตาย 5 ศพ 

จากนั้นเกิดระเบิดอีกครั้งด้านนอกของ Stade de France เมื่อคนร้ายคนที่สอง คือ นาย Bilal Hadfi ระเบิดพลีชีพตนเอง ในเวลา 21.30 ถูกสันนิษฐานว่าเป็นผู้เคยร่วมต่อสู้เพื่อกลุ่ม ISIS ในซีเรีย

ผู้ก่อการร้าย ขับรถไปที่บริเวณ Bataclan concert และกราดยิงอีกครั้ง ที่บาร์ La Belle Equipe ที่ถนน Rue de Charonne มีผู้เสียชีวิต 19 รายในเวลา  21.36 น. หลังจากนั้นได้ขับรถออกไป 
ภาพจาก www.telegraph.co.uk 

ตั้งแต่เวลา 09.40 Bataclan concert ที่ Boulevard Voltaire เป็นจุดที่มีคนตายมากที่สุด อย่างน้อย 89 คน ซึ่งถูกสังหารโดยมือปืนชุดดำคลุมหน้าที่ใช้อาวุธ AK-47s และเสื้อกั๊กติดระเบิดพลีชีพ โดยผู้ก่อการร้าย มี 4 คน คือ นาย Samy Amimour ชาวฝรังเศสอายุ 28 ปี และ นาย Omar Ismael Mostefai อายุ 29 ปี มีผู้บาดเจ็บมากกว่า 100 คน โดยผู้ก่อการร้าย 3 คนระเบิดพลีชีพตนเอง อีก 1 คนถูกยิงตายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ  หนึ่งในนั้นมีนาย Ibrahim Abdeslam อายุ 31 ปี ที่ระเบิดพลีชีพที่ร้าน Comptoir Voltaire ซึ่งได้เช่ารถ Seat Leon สีดำ ซึ่งภายหลังพบถูกจอดทิ้งไว้ในวันอาทิตย์เช้า ที่ด้านตะวันออกของชานเมือง Montreuil สามไมล์จากจุดเกิดเหตุ

ภาพเต็มๆ จากกล้องวงจรปิดของร้านอาหารในกรุงปารีส ขณะที่ บราฮิม อับเดลสลาม เดินเข้าไปในร้านและจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตาย !!

ส่วนนายซาเลาะ Salah Abdeslam ที่หลบหนีกลับเบลเยี่ยม เป็นผู้เช่ารถ Volkswagen Polo ที่ใช้รับส่งผู้ก่อการร้ายติดระเบิดพลีชีพที่ฆ่าคน 89 คน
- เวลา 10.15 pm ชาวฝรั่งเศสอายุ 20 ปี ระเบิดเสื้อกั๊กติดระเบิดพลีชีพตนเอง นอกร้าน Mcdonald ที่ Rue de la Coquerie.
- ผู้ก่อการร้ายเข้าไปใน Hall และยิงกระสุนเข้าใส่คนที่เข้าชมคอนเสิร์ตนับร้อย ซึ่งกำลังชมการแสดงเพลง Death Metal ที่มีผู้ชมเต็ม 1,500 คน 
ต่อจากนั้นจึงผู้ก่อการร้ายสองคนจุดระเบิดพลีชีพเมื่อชุดตำรวจมาถึงราว 12.30am  ส่วนคนที่ 3 ถูกตำรวจยิงตาย 

นับเป็นความสูญเสียครั้งร้ายแรงที่สุดในฝรั่งเศสนับตั้งแต่มีสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งก่อนหน้านี้ฝรั่งเศสถูกโจมตีในเหตุการณ์ ที่ Charlie Hebdo offices และซุปเปอร์มาร์เก็ต a Jewish supermarket มีผู้เสียชีวิต 17 คนและได้รับบาดเจ็บ 22 คน ซึ่งกลุ่ม  Islamic State of Iraq and the Levant (ISIL) แสดงตนว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวเพื่อโต้กลับที่ฝรั่งเศสเข้าโจมตีทางอากาศ 

อ่านต่อเรื่องภัยจากผู้อพยพ ตอนที่ 3

No comments:

Post a Comment